Gaa (กา) หลังสวน
ร้าน Gaa ถือเป็นอีกร้านเปิดใหม่อีกร้าน ที่น่าจับตามากๆในตอนนี้ ร้าน Gaa ได้แปลงโฉมบ้านร้างเก่าๆ ตรงข้าม Gaggan มาเป็นร้านในคอนเซ็ปต์ Modern Eclectic โดยอดีต Sous Chef จากร้าน Gaggan ที่ชื่อ Garima Arora ที่ผ่านประสบการณ์มากว่า 10 ปี
.
ห้องรับรองเล็กๆ
.
ห้องครัวสามารถมองเห็นได้จากทางเดิน
.
.
ล้างปากเบาๆกับ Sparkling
.
@@ Course ของร้าน Gaa @@
.
วัตถุดิบของทางร้าน Gaa จะเลือกใช้เฉพาะวัตถุดิบจากในประเทศไทยเท่านั้น ซึ่งวัตถุดิบบางตัว หลายคนยังไม่รู้จัก และไม่เคยเห็นหน้าตามันเลยด้วยซ้ำ โดยคอร์สจะมีการเปลี่ยนทุกๆ 2-3 เดือน เพื่อให้ลูกค้าเก่า กลับมาลิ้มลองเมนูใหม่ๆ ได้ตลอดครับ ส่วน Course อาหาร จะมีให้เลือก 2 แบบคือ
– 8 Courses (฿1,800 ++)
– 12 Courses (฿2,400++) โดยใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมงสำหรับ Full 12 Courses ครับ
.
.@@
@@ Juice Paring @@
.
นอกจากอาหารแล้ว ทางร้าน Gaa ยังมีเครื่องดื่มให้เลือกมากมาย แต่สำหรับใครที่อยากดื่มไวน์ หรือ น้ำผลไม้ ที่เหมาะกับอาหารแต่ละ Course แล้ว ทางร้านก็มี
– Wine Paring with the 12 Courses (฿2,300++) ซึ่งจะเสิร์ฟมา 5 แก้วทั้ง Sparkling white wine, 2 White Wines, Red Wine และ Dessert Wine
– Juice Paring แบบ 3 Courses (฿500++)
– Juice Paring แบบ 5 Courses (฿700++) ซึ่งเชฟแนะนำว่า เหมาะกับอาหารแต่ละ Course มากๆ
.
.
.
@@ 12 Courses & 5 Courses Juice Paring @@
.
.
[ Juice Paring 1 ] Strawberry Kamboucha
เป็น juice Paring แก้วแรกสำหรับอาหาร 3 Courses น้ำสตรอเบอร์รี่รสเบาๆ เปรี้ยวนำนิดๆครับ
.
1. Crispy Cabbage, Roasted Pepper, Bitter Gourd
เมนูเปิดตัวด้วยกะหล่ำปลี ไปอบจนกรอบ บาง และใส ส่วนไส้จะทำจากพริกย่าง และมะระครับ รสชาติบางทีคล้ายๆ ไส้อั่ว บางทีก็คล้ายๆ น้ำพริกหนุ่มครับ กลิ่นและรส 2 อย่างนี้มันผสานกันได้ดีเลย และแอบมีขมบางๆจากมะระด้วยครับ
.
2. Chicken Liver, Longan, Berry
เมนูนี้เป็นตับไก่แช่เย็น แล้วขูดออกมา เสิร์ฟมากับลำไย ซึ่งแทรกตัวอยู่ด้านใน วางบน Cracker เป็นอีก Course ที่ทานด้วยมือ หยิบเข้าปากทั้งคำเลย ถ้าหกลงจาน ทางร้านแนะนำให้ใช้นิ้วปาดตับไก่ด้วยนิ้วเลยครับ
.
แต่ส่วนตัวผมทานตับไก่ไม่ได้ ทางร้านเลยเสิร์ฟเป็น Cucumber Ice cream ที่ประกบมาด้วย Crackers ไอศครีมสดชื่นมากๆ และกลิ่นแตงกวาเด่นมากเลยครับ
.
3. Corn
ที่ร้านใช้ข้าวโพดอ่อนทากับน้ำมันยีสต์ แล้วมาย่างไฟ มาโรยด้วยเครื่องเทศอ่อนๆ มีรสเผ็ดบางๆ ให้ความรู้สึกเหมือนทานข้าวโพดปิ้ง ตามข้างถนนของอินเดีย จิ้มทานกับน้ำนมข้าวโพดที่เคี่ยวจนข้น ลักษณะจะเหมือน Cheese Dip แต่หอมมากๆ
.
.
[ Juice Paring 2 ] Pumpkin, Mango, Kaffir Lime
แก้วนี้ค่อนข้างข้นพอสมควรจากฟักทอง และมะม่วงครับ มีกลิ่นมะกรูดบางๆ มาเพิ่มความสดชื่นได้อีกด้วย
.
4. Crayfish, egg Fruit, Pomelo
เมนูนี้ใช้ Crayfish จากโครงการหลวงเป็นวัตถุดิบหลัก เสิร์ฟกับ Cracker แบบอินเดีย และที่พิเศษคือซอสที่อยู่ตรงกลาง ที่ทางร้านใช้เนื้อจากลูก ม่อนไข่ หรือมะไข่ มาทำซอส ซึ่งหาทานยากมากๆ เนื้อ Crayfish สด เด้งมากๆ ตัวซอสจะนุ่มๆ รสอ่อนๆหน่อย อร่อยมากครับ
.
.
[ Juice Paring 3 ] Roselle, Dry Spice
น้ำกระเจี๊ยบที่มีกลิ่นกระเจี๊ยบบางๆ ไม่หวานเหมือนน้ำกระเจี๊ยบที่ทานๆกัน แก้วนี้ค่อนข้างใส เบา แต่โดน Dry Spice เข้าไป ทำให้แก้วนี้ดูมีอะไรน่าสนใจขึ้นมาอีกมากเลย
.
5. Goat Milk Tofu, Grilled Mustard
คอร์สนี้ใช้นมแพะ มาผ่านกระบวนการหมัก จนเลยขั้นของการเป็นเต้าหู้ แต่ก็ไม่ถึงความเป็นชีส เนื้อจะคล้ายๆเต้าหู้ ทานกับผักกาดฮีน หรือผักกาดส้อย ที่ทางเหนือกับอิสานนิยมมาทานกับลาบ ซึ่งจะมีทั้งแบบผัด และทอดกรอบเหมือนสาหร่าย รสชาติออกจะฉุนๆ หน่อย เหมือนวาซาบิ แต่ไม่ฉุนเท่า ทานตัดรสกับเต้าหู้นมแพะ เข้ากันดีครับ
.
6. Banana Flower Dumpling, Tomato Fennel, split Peas
คอร์สนี้ใช้หัวปลีมาบด ชุบด้วยแป้งสาลี แล้วเอาไปอบ จนได้เนื้อด้านนอกแข็ง แต่ด้านในนุ่ม วางบน Tomato Fennel Chutney แล้วเทน้ำซุปที่เรียกว่า Peaso คือเอา Peas มาทำตามแบบซุป Miso เวลาทานต้องบิลูกหัวปลีบดให้แตก แล้วทานคู่กับ Chutney และซุปครับ
.
.
[ Juice Paring 4 ] Guava, Mint, Chilli
น้ำฝรั่งที่ได้ความหอม สดชื่นจาก Mint และมีเผ็ดบางๆ หลังดื่มเข้าไปด้วย
.
7. Fish Khanom-La
คอร์สนี้เป็นคอร์สที่ผมชอบที่สุดคอร์สนึงเลยครับ ด้านนอกเป็นขนมลา ที่เสิร์ฟมาคล้ายกับ Taco ส่วนไส้ด้านในเป็นเนื้อปลาเก๋า สุก หวานกำลังดี ห่อด้วยนมย่างหนึบๆ คอร์สนี้เลยได้ทั้ง 3 ความรู้สึกเลยครับ ทั้งกรอบ ทั้งหนึบ และทั้งนุ่ม
.
8. Crab Cauliflower, Whey with Tomato Mocchi
คอร์สนี้เป็นเนื้อปู กับดอกกะหล่ำย่าง ทานคู่กับซอสเข้มข้น และโมจิมันฝรั่ง เป็นอีกจานที่หวานปู หอมดอกกะหล่ำย่าง ชูรสด้วยซอส เข้ากันมาก อร่อยครับ
.
.
[ Juice Paring 5 ] Green Apple, Basil
เป็น Juice Paring แก้วปิดท้ายสำหรับ 2 Courses สุดท้ายของอาหารคาวครับ แก้วนี้กลิ่นโหระพานำโดดมาเลยครับ มีน้ำแอปเปิ้ลเขียว ที่มีรสอมเปรี้ยวอีกหน่อย
.
9. Pork Ribs, Pickles and Bread
เมนูโปรดผมตลอดกาลอีกเมนูนึงเลยครับ คอร์สนี้ของที่ร้านจะหมักซี่โครงข้ามคืน แล้วนำมา sous vide และย่างไฟให้หอม ด้านบนของซี่โครงจะมีทับทิม หอมแดง และก้านผักชีครับ พร้อมเครื่องเคียงทั้งแป้ง Puri ของอินเดีย แตงกวาดอง ซอสไข่แดง และผักบัตเตอร์เฮดป้ายด้วยมิโสะ
ทางเชฟแนะนำให้ทานซี่โครงให้หมดก่อน แล้วค่อยทานเครื่องเคียงต่อ ให้หมด หรือจะทานสลับๆกันไป ตามคำแนะนำของที่ร้านก็ได้นะครับ ผมทานสลับๆกันไปกับเครื่องเคียง อร่อยมากครับ
.
10. Butter and Pav
ขนมปัง Pav ตามแบบอินเดีย ที่มีความหวาน และนุ่มมากๆ ไส้ด้านในจะเป็นเนื้อแกะบด ผัดกับเครื่องเทศ ความรู้สึกเหมือนทานกระเพราเนื้อกับขนมปังเลย ทานกับเนยขาว ที่เหมือนหลายร้านนำมาตีจนฟูแล้วทานกับครัวซองต์ครับ ช่วยตัดรสของขนมปังและแกะผัดเครื่องเทศได้ดีครับ
.
.
11. Choice of one Ice cream with Homemade Cone
– Turmeric and Toasted Safflower with Black Sesame Cone เป็นไอศครีมรสขมิ้น กลิ่นแรงใช้ได้เลยครับ ทานกับโคนงาดำ และโรยด้วยดอกคำฝอย
– Beeswax and Wild Honey with Bee Pollen Cone ไอศครีมรสน้ำผึ้ง หอมใช้ได้เลยครับ และรสบางไปหน่อย ไม่น่าตื่นเน้นเท่าไหร่ ผมเลยเลือกทานเป็นตัวลูกผักชีครับ
– Jaggery and Coriander Seeds with Toasted Whole Wheat Cone เป็นไอศครีมรสลูกผักชี ทานแล้วเหมือนหมูสวรรค์ ที่มีลูกผักชีติดตามเนื้ออะครับ ทานคู่กับโคน Whole Wheat
.
12. Four Elements of Chocolate
เป็นเมนูปิดท้ายที่น่าสนใจไม่น้อย ซึ่งมีวิธีการทานคือให้ทานตามเข็มนาฬิกา วนไปตั้งแต่ 3 นาฬิกา
.
ชิ้นแรก ที่ 3 นาฬิกา เป็นช็อคโกแลตพริก ที่มีรสเผ็ด บวกกับความเข้มของช็อคโกแลต เลยมีความเข้มข้นมากๆ ต้องตัดเผ็ดด้วยชิ้นที่ 2
.
ชิ้นที่ 2 ตรง 6 นาฬิกา ซึ่งเป็นช็อคโกแลตที่มีกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ และมีครีมสดช่วยตัดรส ลดความเผ็ดของชิ้นแรกและลดกลิ่นเครื่องเทศได้
.
ชิ้นที่ 3 ตรง 9 นาฬิกา เป็นช็อคโกแลต ไส้เป็นมะขาม
.
ชิ้นที่ 4 เป็นใบชะพลูที่เคลือบช็อคโกแลต เวลาทานให้พับครึ่ง แล้วพับขวางครึ่งอีกที เวลาทานก็ทานเข้าไปคำเดียวเลย ชิ้นนี้ส่วนตัวผมรู้สึกรสชาติมันแปลกลิ้นไปซักหน่อยครับ ไม่ชินเท่าไหร่
.
.
– Coffee (Pour Over) เป็นกาแฟ Drip จาก Jaloon Farmer Project (฿200++)
.
– ชา Jing Lemon Verbena (฿250++)
– Mineral Still & Sparkling ขวดละ (฿250++)
.
คอร์สส่วนมากจะทานด้วยมือนะครับ ทางร้านจะมีผ้าเช็ดมือ คอยเปลี่ยนให้ทุกคอร์สเลย รวมถึงจาน และแก้ว ที่มีพนักงานคอยดูแลอย่างดี รวมถึงให้ข้อมูลเรื่องอาหารแต่ละคอร์ส ได้เป็นอย่างดีครับ
.
ส่วนรสชาติอาหารแต่ละคอร์ส ผมถือว่าบางคอร์สดีเยี่ยมเลยครับ แต่บางคอร์สผมเองอาจจะยังเข้าไม่ถึง แต่ก็ถือว่าได้เปิดประสบการณ์ใหม่ที่ดีครับ
@@ พิกัด & ติดต่อร้าน Gaa @@
.
ร้าน Gaa อยู่บนถนนหลังสวน ซอยทางด้านขวา ตัวร้านจะอยู่เยื้องๆกับร้าน Gaggan เลยครับ ที่จอดรถมีค่อนข้างจำกัด ต้องใช้บริการ Valet ของทางร้านครับ
.
เวลาเปิดร้าน : 18:00 – 23:00
สำรองที่นั่ง : 091 419 2424
Facebook : https://www.facebook.com/gaabangkok/
(157)
Views: 51