SavaDining @The EmQuartier ชั้น6
The EmQuartier ถือเป็นแหล่งรวมร้านอาหารชั้นยอดไว้อีกที่หนึ่งของประเทศไทยเลยครับ เพราะมีมากถึงกว่า50ร้านดัง ไม่รวมร้านเล็กๆย่อยๆในโซน Food court นะครับ ตัว EmQuartier จะมีตึกหลักๆอยู่3ตึกครับ จะมี
1. Helix Quartier(อาคารA)
2. Glass Quartier (อาคาร B)
3. Waterfall a (อาคาร C)
โดยแต่ละตึกก็จะมีทางเชื่อมถึงกันหมด รวมถึงทางเชื่อมมาฝั่งEmporiumด้วยครับ ตัวตึก Helix Quartier หรืออาคารA จะรวบรวมร้านค้าที่เป็น International Luxury Brands ไว้ครับ และที่พิเศษสุดสำหรับผมน่าจะเป็นชั้น6-9ครับ ที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังไว้มากมาย เป็นทางเดินวนไล่ระดับความสูงขึ้นไปพร้อมร้านอาหารที่ไล่เรียงรายให้เลือกสรรค์
ร้าน Sava Dining เป็นอีกหนึ่งร้านที่อยู่บนชั้น6ของตึก Helix Quartier ครับ ถ้าออกจากลิฟต์มาเลี้ยวซ้ายออกมานิดเดียวก็จะเจอร้านนี้เลยครับ ร้าน Sava Dining หลักๆ จะเสิร์ฟอาหารไทยและเทศกึ่งๆฟิวชั่นครับ รวมถึงหลายเมนูที่นำเอาอาหารไทยมาผสมผสานกับอาหารตะวันตก หรือEast meet Westครับ ส่วนการตกแต่งอาหารของที่นี่ ก็แต่งออกมาเรียบง่ายแต่ดูดีทุกจานเลยครับ
****บรรยากาศ Sava Dining ****
บรรยากาศร้าน Sava Dining ก็จะโปร่งๆโล่งๆครับ จัดโต๊ะไม่อึดอัดเกิน พอมีspaceระหว่างโต๊ะพอให้คุยเรื่องส่วนตัวกันได้ ร้านนี้รองรับแขกได้ประมาณเกือบร้อยที่ครับ
พอเริ่มนั่งทางร้านก็จะมีผักสดทานอย่างแครอท แตงกวา ขมิ้นขาว และใบมิ้นต์ครับ เสิร์ฟมาคู่กับ Dip ส่วนตัว Dip จะออกคล้ายๆน้ำจิ้มงา ผสมSoy Sauce ผสมมิโสะครับ รสชาติออกเค็มๆนิดๆ และหอมดีครับ
****เครื่องดื่ม Sava Dining ****
เครื่องดื่มจะเป็น โกโก้เย็น จะเสิร์ฟมาแบบไม่หวานครับสามารถสั่ง syrup มาเสริมได้ครับ
– Tiramisu Smoothy แก้วนี้หอม เข้มข้นอร่อยๆดีครับ
– Mixed Fruits แก้วนี้ออกเปรี้ยวๆอมหวานดีครับ สดชื่นมากๆ แต่ออกจะหวานซักหน่อยสำหรับคนไม่ชอบหวานนะครับ ในแก้วยังมีส้มแมนดารินฝาน ลิ้นจี่ องุ่นและราสเบอร์รี่ครับ
****เมนู Sava Dining ****
อาหารเริ่มต้น ที่เมนูทานเล่นแบบ Snacks ที่เป็นเมนูทานเล่นที่ไม่เล่นเลยครับ เพราะมาแต่ละจาน ก็ค่อนข้างเยอะเลยเริ่มจาก ปีกไก่ทอด(180บาท) เสิร์ฟมาในตระกร้าเหล็กทรงสูงครับ เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วรสไทยๆครับ ไก่ทอด จะโรยหน้ามาด้วย Pamesan Cheese
และที่พิเศษของเมนูนี้ จะเป็น Himalayan Pink salt โดยที่พนักงานจะมาขูดให้สดๆ ที่โต๊ะเลยครับ ร้านอาหารในเมืองไทยหลายๆร้านก็เริ่มจะใช้ Himalayan Pink salt มาเป็นตัวชูโรงในเครื่องปรุงรสของแต่ละเมนูอีกด้วยครับ เมนูนี้ ผมว่าแทบไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มแจ่วเลยครับ เพราะตัวไก่ ก็หมักออกมาเค็มนิดๆอยู่แล้วครับ บวกกับ Pamesan Cheese และ Himalayan Pink salt ทำให้เค็มลงตัวดีครับ
ยำดอกขจรพริกสด (280บาท) เมนูนี้หน้าตาจะเหมือนกับยำถั่วพลูเลยครับ ตอนที่ยกมาเสิร์ฟทีแรกผมยังนึงว่าเค้าทำมาผิด แต่พอดูดีๆถึงรู้ว่าเป็นดอกขจร รสชาติก็คล้ายๆยำถั่วพลูครับ ค่อนข้างครบรสเลยทีเดียว เสิร์ฟมากับกุ้งลวกตัวใหญ่ๆ เนื้อเด้งๆกับปลาหมึกสดโรยหน้าด้วยหอมเจียวยิ่งเพิ่มความหอมเข้าไปอีกเลยครับ
ยำหัวปลีสดไก่ฉีกแบบโบราณ (280บาท) ยำมากับน้ำพริกเผาปรุงรส พร้อมเสิร์ฟมากับไข่เป็ดต้มยางมะตูม ตักทานเข้าไปเจอจะไก่ฉีก แบบเต็มปากเต็มคำเลยครับ เมนูนี้รสชาติจะจัดกว่ายำดอกขจรพริกสดครับ
ขนมปังฝรั่งเศสหน้าแหนม (190บาท) เมนูนี้เป็น Bruschetta แบบผสมผสาน ระหว่างตะวันออกกับตะวันตกครับ ถือเมนูเรียกน้ำย่อยอีกแบบหนึ่ง ที่ทำทานเองก็ไม่ยากครับ เมนูนี้ใช้แหนมบ้านเรามาเป็นตัวชูโรงให้ Bruschetta ดูแปลกเข้าไปอีกครับ
แต่จริงๆแล้ว Bruschetta สามารถจะใส่อะไรเข้าไปก็ได้ครับ แต่หลักๆที่ขาดไม่ได้ ก็จะมีมะเขือเทศ หอมแดง กระเทียมครับ ที่นี่ก็จะมีพริกสดเพิ่มเข้าไปด้วย และเสิร์ฟพร้อมกับแตงกวาดอง และหอมดองครับ วางบนขนมปังฝรั่งเศส โรยหน้าด้วยเชดด้าชีส แล้วอบให้ชีสพอละลาย แบบมีชีสก็อร่อยไปอีกแบบครับ แต่ส่วนตัวผมชอบเอาเครื่องมาคลุกๆ รวมกับน้ำมันมะกอก และแช่ตู้เย็นให้เย็นฉ่ำๆหน่อยครับ แล้วมาวางบนขนมปังอบ ให้ร้อนกรอบทานแล้วเย็นๆชื่นใจดีครับ
หมูสามชั้นตุ๋นพะโล้เหล้าจีน ขนมปังฝรั่งเศส (340บาท) อีกหนึ่งเมนู East meet West ที่นำเอาพะโล้ มาทานกับขนมปังฝรั่งเศสครับ ผมไม่เคยทานด้วยกันมาก่อน เลยรู้สึกแปลกๆไปซักหน่อย ตัวพะโล้ออกจะหวานๆไปซักหน่อยสำหรับผม แต่ตัวเครื่องพะโล้จะได้กลิ่นเครื่องเทศ 5อย่างออกชัดเจนดีครับ แต่น้ำที่ขลุกขลิกดูจะใสไปนิด ส่วนตัวผมชอบพะโล้ ที่ออกแบบต้มเค็มครับ ที่น้ำจะข้นๆ เครื่องเทศชัดๆ และไม่หวานเกินไปครับ
อุด้งคาโบนาร่าเมนไทโกะ(340บาท) เมนูนี้ใช้เส้นอุด้งมาผสมผสาน กับซอสคาโบนาร่าครีมไข่ปลา แล้วโรยหน้าด้วยเบคอน สาหร่ายญี่ปุ่น เสิร์ฟพร้อมกับไข่ลวกออนเซ็นและปลาโออบแห้ง จริงๆเมนูนี้เริ่มมีให้เห็นเยอะ ในร้านอาหารญี่ปุ่นครับ
ร้านนี้ก็ทำออกมาได้ดีเลยครับ แต่ผมติดที่ปลาโอแห้งเยอะไปหน่อยครับ เลยกลบความนวลของครีมซอสไปเยอะเลยครับ แต่ถ้าใครชอบปลาโออบแห้ง น่าจะยิ่งชอบเมนูนี้นะครับ แต่รวมๆแล้ว ผมก็ค่อนข้างชอบเมนูนี้เลยครับ อร่อยนวลดี เป็นการผสมผสานเมนูเส้นจากญี่ปุ่น และครีมซอสจากตะวันตกได้ดีเลยครับ
สปาเก็ตตี้ครีมเนื้อปูและไข่กุ้ง (360บาท) เมนูนี้เป็นโรยหน้าด้วย สาหร่ายและ Parmesan Cheese ครับ และจะมี Cheese Cracker โปะหน้ามาด้วย ผมเลยลองยกออกแล้วถ่ายให้ดูด้วยครับ
ผัดหมี่กระเฉดน่องเป็ดกรอบ (290บาท) เมนูหมี่ผัดผีกกระเฉด หาทานอร่อยๆยากครับ แต่ร้านนี้ผมว่าทำมาลงตัวดีครับ เอาเส้นมาผัดพริกกระเทียมหอมดี รสชาติลงตัวดี ไม่เค็มเหมือนหลายๆร้าน ส่วนตัวน่องเป็ดตุ๋น แล้วเอามาอบอีกที ให้หนังเหลืองกรอบ แต่ก็ไม่ได้ล่อนเหมือนพวกห่านอบ หรือเป็ดอบครับ ตัวเป็ดเนื้อไม่เหนียว อบมารสชาติจะเค็มๆนิดนึง อร่อยดี ทานคู่กับเส้นหมี่แล้วก็เข้ากันดีครับ
ราดหน้าปลากระพง ตอนที่เสิร์ฟมาทีแรกผมมองแบบไม่ตั้งใจ นึกว่ามีปลากระพงมาเต็มจานครับ แต่เอาเข้าจริงจะเป็นเส้นใหญ่ทอดกรอบครับ 555 แอบขำตัวเองเล็กน้อย เมนูนี้พอเอาเส้นมาทอดกรอบแล้ว โดยส่วนตัวผมไม่ค่อยชอบครับ เพราะมันจะอมน้ำมันนิดๆ เวลากัดเข้าไปแล้วจะยิ่งมันในปาก แต่จะชอบให้เอาเส้นใหญ่มาผัดในกระทะให้มีกลิ่นไหม้นิดๆอร่อยกว่า (สำหรับผมครับ)
ส่วนตัวก้านคะน้ากรอบอร่อยดีครับ แต่จะมีเสี้ยนติดที่ปลายคำเล็กน้อย ซึ่งผมก็แจ้งทางร้านไปเรียบร้อยแล้วครับ และตัวปลากระพง เสิร์ฟมาในเมนูนี้ชิ้นใหญ่พอสมควร เนื้อปลาหวานสดดีครับ
****สรุป Sava Dining ****
รวมๆแล้วอาหารทุกเมนูจัดมาเรียบง่ายแต่ดูดีทุกจานครับ ส่วนรสชาติในหลายๆเมนู ผมชอบครับ ติดเพียงไม่กี่เมนูตามที่คอมเม้นต์ไป ที่ร้านยังมีเมนูที่น่าสนใจอีกหลายเมนูที่ ผมอยากลองมากๆครับ อย่างปอเปี๊ยะไส้ไข่ปลา สปาเก็ตตี้ผัดกะปิหมูฮ้อง สปาเก็ตตี้ผัดหมูคั่วเค็ม อุด้งขี้เมาทะเล พัฟแกงเขียวหวานไก่ ร้านนี้ราคาอาหารจะเฉลี่ยอยู่ที่ 100-300++ครับ ก็ถือว่าราคากลางๆ+ นะครับ เพราะเดี๋ยวนี้ราคาอาหารตามห้างหรือตามโรงแรม ก็ราคาประมาณนี้หมดแล้วครับ
****ติดต่อ & พิกัด Sava Dining ****
ร้านอยู่ชั้น 6 ศูนย์การค้า The Emquatier ตึก Helix ครับ
โทร : 02 003 6208
http://www.savadining.com/
https://www.facebook.com/savadining?fref=ts
(128)
Facebook Comments
Views: 37